เปิดปฏิบัติการซ้อนแผนขอดเกล็ด แก๊งเจียงซี

เปิดปฏิบัติการซ้อนแผนขอดเกล็ด แก๊งเจียงซี ตุ๋นหลอกขายทองเก๊

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะ หน.PCT ชุดที่ 5, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ, พ.ต.อ.สามารถ พันธุ์ล้วน, พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.กก.2 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว., ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว., ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว., ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รอง สว. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. สืบสวน ทลายเครือข่ายแก๊ง “มังกรเจียงซี” ติดตามจับกุม

1.นายจง เสี่ยวฉง (Mr.Zhong Xiaocong) อายุ 44 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาที่ 1

2.นายหลี่ เสี่ยวหยวน (Mr.Li Xiaoyuan) อายุ 45 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาที่ 2

3.นายเจิ้ง หนานจิง (Mr.Zeng NanJing) อายุ 54 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาที่ 3

4.นายหยาง ซุยหยวน (Mr.Yang Cuiyuan) อายุ 51 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาที่ 4

5.นายจู จื้อฮวา (Mr.Zhu Zhihua) อายุ 48 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาที่ 5 และ

6.นายกั๋ว เซียนหยู (Mr.Guo Xianyu) อายุ 49 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาที่ 6

โดยให้การกล่าวหาว่า “ร่วมกันพยายามลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย และซ่องโจร” ได้ที่หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 25 เมษายน พร้อมตรวจยึดของกลางเป็น 1.ทองคำปลอม ลักษณะเป็นก้อน จำนวน 179 ชิ้น, 2.ทองคำปลอม ลักษณะเป็นรูปปั้นเทวรูป จำนวน 10 ชิ้น 3.ทองคำแท้ ลักษณะเป็นแผ่นบาง 2×1 ซม. จำนวน 8 ชิ้น 4.สมุดสมาคมคนจีนในประเทศไทย 46 เล่ม 5.บัตร ATM จำนวน 24 ใบ 6.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 12 เครื่อง และ 7.อุปกรณ์เลื่อยตัดทอง จำนวน 1 ชุด

เปิดปฏิบัติการซ้อนแผนขอดเกล็ด แก๊งเจียงซี

พล.ต.ต.ธีรเดชเปิดเผยว่า ก่อนจับกุมชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ บก.สส.บช.น.ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวจีนสัญชาติไทยรายหนึ่งถูกกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งเป็นชาวจีนต้มตุ๋นหลอกขายทองคำ ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพทำทีว่ามีทองคำแท้จำนวนมากขุดเจอที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นำมาขายให้กับผู้เสียหายในราคาถูก ผู้เสียหายหลงเชื่อและเสียเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพไปกว่า 500,000 บาท หลังจากให้เงินแล้วกลุ่มมิจฉาชีพก็หายไป ไม่สามารถติดต่อได้

พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า ต่อมาตรวจสอบแฟ้มคดีที่กลุ่มมิจฉาชีพเคยตระเวนหลอกลวงเหล่าผู้เสียหาย พบว่าลักษณะการก่อเหตุมีความแยบยลอย่างมืออาชีพ และมีลักษณะการทำงานระดับ “องค์กร” เริ่มต้นจากกลุ่มคนร้ายจะหาลายแทงของเหยื่อโดย “กางโพย” สมุดรายชื่อตระกูลคนจีนในประเทศไทย ตั้งแต่เจ้าสัวตระกูลดัง จากนั้นจะไล่สืบประวัติและติดตามบุคคลเหล่านั้นกระทั่งได้ข้อมูลเบื้องต้น จากนั้นจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการต้มตุ๋นด้วยการโทรศัพท์ไปพูดคุย โดยอ้างข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากการไล่สืบประวัติมาจึงทำให้เหยื่อหลงเชื่อใจกลุ่มมิจฉาชีพ ต่อมาทำการนัดพบกับเหยื่อได้แล้วจะมีการใช้จิตวิทยาด้วยการนำทองคำปลอม ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนจำนวนมากมาโชว์ให้เหยื่อดูและแสร้งนำเลื่อยมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กเพื่อนำให้เหยื่อเอาไปตรวจสอบ ซึ่งแท้จริงมีเพียงชิ้นเล็กเท่านั้นที่เป็นทองแท้

พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวอีกว่า เมื่อเหยื่อนำทองชิ้นเล็กเหล่านั้นไปตรวจสอบกับร้านทองก็จะพบว่าเป็นทองคำแท้ ทำให้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพอย่างสนิทใจ เมื่อเหยื่อยอมนำเงินมอบให้กับกลุ่มมิจฉาชีพแล้วก็จะหายตัวไปทันที

พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ลงพื้นที่สืบสวนด้วยวิธีการ “ดักหน้า” โดยพบกับเหยื่ออีกรายหนึ่งซึ่งกำลังจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าวหลอกลวง จึงนำกำลังเข้าไปวางแผนและเปิดปฏิบัติการซ้อนแผน “ขอดเกล็ด” จัดฉากทำทีให้เหยื่อหลงเชื่อและนัดพบกับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ โดยเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 24 เมษายน กลุ่มมิจฉาชีพ 2 คนปรากฏตัวบริเวณจุดนัดพบ หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง จึงได้นำกำลังเข้าจับกุม

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 รายให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า กลุ่มตนมาจากประเทศจีน เคยทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศอินโดนิเซีย ก่อนจะมาตระเวนหลอกลวงในประเทศไทย สำหรับทองปลอมนำเข้ามาจากประเทศจีน โดยสั่งมาทางพัสดุเข้ามาในประเทศไทย ยอมรับว่ากลุ่มของตนชื่นชอบการต้มตุ๋น ซึ่งได้แรงบรรดาลใจจากซีรีส์ดังในต่างประเทศ ส่วนเรื่องทางคดีขอต่อสู้คดีในชั้นศาล

หลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ส.รฟ.นพวงศ์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ takodaioh.com

แทงบอล

Releated